ประวัติ ความเป็นมา ของพระสังกัจจายน์
“พระสังกัจจายน์” หรือ “หมีเล่อฝอ(弥勒佛)” หรือ ที่นิยมเรียกกันว่า “พระสังกัจจายน์โพธิสัตว์” เป็นคำเรียกกันทางศาสนาพุทธข้างมหายาน ซึ่งเป็นองค์เดียวกันกับคำเรียกทางศาสนาพุทธฝ่านหินยานคือ “พระอาริย์” (พระศรีอารยเมตไตรย)อันเป็นคติความศรัทธาทางศาสนาพุทธจุดมุ่งหมายถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์ใหม่ ที่จะเกิดขึ้นมาในอนาคตกาล ณ เวลานั้น เชื่อกันว่า ความสงบสุขอันโดยความเป็นจริงจะเกิดขึ้นแก่มวลมนุษยชาติ
รูปลักษณะของพระสังกัจจายน์ (พระศรีอาริย์)ตามแบบคติแบบจีนนั้น จะเป็นพุทธรูปที่มีลักษณะอ้วนพลุ้ยเปลือยอก มีบริเวณใบหน้าที่มีชีวิตชีวาสนุกสนานรื่นเริง สีหน้าท่าทางจิตใจเบิกบาน และมักหัวเราะเริงร่าอยู่เป็นประจำ สองหูยาวถึงบ่า มักเห็นท่านในกิริยาท่าทางนั้งอย่างสบายอารมณ์ แล้วก็ปรากฏรูปเด็กๆวิ่งรายล้อม อยู่รอบกายพระสังกัจจายน์ เด็กๆที่ปีนอยู่รอบข้างท่านควรจะเป็นเด็กชายปริมาณ 5 คน เด็กผู้ชาย 5 คนเป็นความหมายแอบแฝงที่หมายถึง “อู่ฝู” (五福)หรือความสุข 5 ประการ อันนับว่าเป็นความสุขที่เที่ยงแท้ของชีวิตคนเรา
ในตำนานพุทธสาวกอีกทั้ง๘๐ องค์ บอกว่า พระสังกัจจายน์ เป็นลูกของพราหมณ์ปุโรหิต กัจจานโคตร หรือกัจจายนโคตร ในแผ่นดินของพระผู้เป็นเจ้าจัณฑปัชโชต กรุงอุชเชนี เมื่อกัจจายนะกุมารเติบโต สำเร็จการศึกษาไตรเพท พ่อได้สิ้นใจ ก็เลยได้รับตำแหน่งปุโรหิตแทนพ่อ
ครั้นเมื่อถัดมาพระผู้เป็นเจ้าจัณฑปัชโชต ทรงรู้ดีว่า พระศาสดาตรัสรู้แล้ว เสด็จท่องเที่ยวโปรดสัตว์อบรม สัมมนาชนธรรมะที่ท่านสอนนั้น ชอบธรรมที่จริงจริง ยังคุณประโยชน์แก่ผู้ปฏิบัติตาม ก็เลยมีพระมุ่งหมายต้องการชวนเสด็จพระพุทธเจ้าไปประกาศที่กรุงอุชเชนี ก็เลยกล่าวให้กัจจายนะปุโรหิตไปทูลเสด็จกรุงอุชเชนี

กัจจายนะปุโรหิตพร้อมกับผู้ติดตาม ๗ คน ก็เลยออกมาจากกรุงอุชเชนี พอมาถึงก็เลยพากันเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ท่านทรงแสดงธรรมอบรมสั่งสอน สุดท้ายบรรลุพระอรหันต์อีกทั้ง ๘ คน จากนั้นอีกทั้ง ๘ ก็ทูลขอบวช ทรงขอ ครั้นเมื่อบรรพชาแล้ว ก็เลยทูลเชิญชวนเสด็จกรุงอุชเชนี ตามหน้าที่ ท่านกล่าวว่า
“ท่านไปเองเถิด เมื่อท่านไปแล้ว พระเจ้าปัชโชตจักทรงเลื่อมใสท่าน”
พระ กัจจายนะก็เลยเริ่มเดินทางพร้อมอรหันต์อีก ๗ องค์ ที่ติดตามมาด้วย กลับสู่กรุงอุชเชนี รวมทั้งประกาศความจริงให้แก่พระเจ้าจัณฑปัชโชต พร้อมชาวพระนครเลื่อมใสในศาสนาพุทธ แล้วก็ถ้อยคำประการอันเป็นความจริง
หลังจากนั้นคืนสู่สำนักของพระพุทธเจ้า พูดว่า ท่านเป็นผู้ฉลาดสำหรับการชี้แจงที่การสรุปคำแปลกประหลาด
นับจากนั้นมาพระสังกัจจายน์ก็เป็นผู้สรุปย่อคำอบรมสั่งสอนบอกแก่บรรดาสาวกทั้งหลายแหล่ ด้วยความพึงพอใจอย่างมาก ในคำย่อนั้น รวมทั้งยังเป็นผู้ทูลขอให้พระพุทธเจ้าข้อบังคับปรับแต่งพุทธข้อบังคับบางประการ ปรากฏว่าเป็นที่พอพระทัยแก่องค์พระศาสดาเป็นอย่างมาก
พระสังกัจจายน์ เป็นผู้มีรูปงาม ผิวเหลืองดุจทองคำ ตำนานเล่าว่า คราวหนึ่งมีโสเรยยะลูกคนรวยคึกคะนอง มองเห็นพระสังกัจจายน์ก็เลยปากพล่อยพูดว่า ถ้าเกิดพวกเราได้ภรรยามีรูปกายสวยเช่นท่านนี้ จะพอใจยิ่ง
ฉับพลันปรากฏว่าโสเรยยะลูกมหาเศรษฐีชายหนุ่มคะนองปาก ได้เปลี่ยนเพศเป็นหญิงในทันทีทันใด ก็เลยหลบซ่อนไป ถัดมาได้สามีและก็บุตรสองคน ก็เลยกลับมาขอขมากับพระสังกัจจายน์ โสเรยยะจึงคืนกลับสู่ผู้ชายเช่นเดิม ถือว่าพระสังกัจจายน์มีฤทธิ์อำนาจยิ่งองค์หนึ่งในพุทธสาวก

มีเรื่องมีราวแทรกเข้ามาว่าเพราะเหตุว่า รูปกายอันงดงามของพระสังกัจจายน์ สร้างความปั่นป่วนแก่อิตถีเพศอย่างมาก ก็เลยได้เนรมิตกายใหม่ให้อ้วน พุงพลุ้ย น่ารังเกียจ เพื่อความสงบแห่งจิตและกิเลส
เรื่องราวของพระสังกัจจายน์ พอเพียงสรุปได้ว่าเป็นพระพุทธสาวกที่มีความชาญฉลาดมีความเข้าใจ รวมทั้งเป็นที่โปรดของพระพุทธเจ้ายิ่ง มีบารมี มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์ คนใดกันแน่บูชาพระสังกัจจายน์ ก็เลยได้รับพรจากพุทธสาวก อันเป็นเอตทัคคะอย่างสมบูรณ์
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องโชคลาภโดยความเป็นจริงแล้วพุทธศาสนิกชนพวกเราหลายชิ้นต่างได้ลาภอันเลิศกันทุกคน ลาภอันเลิศที่ว่า เป็น “ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” นั่นเองตามบาลีที่ว่า “อโรคฺยาปรฺมา ลาภา”
ดังนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเน้นเรื่องโรคทางจิตใจมากยิ่งกว่าเรื่องโรคทางกายท่านสรุปว่า “ผู้ที่ไม่มีโรคทางกายเป็นเวลายาวนานหลายปีนั้นพอหาได้ แม้กระนั้นคนที่ไม่มีโรคทางจิตใจหากแม้เพียงแค่ชั่วเสี้ยวนาที ก็หาได้ยาก” จึงมีคำกล่าวตามมาที่ว่า “ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ” เช่นกัน

ในทางศาสนาพุทธอาจริยวาทนั้น คติการสร้างรูปเคารพพระสังกัจจายน์ หรือ “หมีเล่อฝอ” เริ่มเกิดขึ้นหนแรกในยุควงศ์สกุลซ่ง(แซ่ซ้อง) ซึ่งเป็นยุคที่ความก้าวหน้าทางด้านศิลป์หัตถกรรมจีน รูปนับถือทางศาสนาพุทธก็เลยถูกประยุกต์ใช้ในความหมายที่ดีแก่ราชสำนักและก็เศรษฐีทั่ว ไป ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ ภาพวาด จิตรกรรมจีน จารีต ประติมากรรมพระสังกัจจายน์ หรือ “หมีเล่อฝอ” ก็เลยถูกประยุกต์ใช้วัฒนธรรมมงคล เป็นเครื่องหมายที่ความสำราญสมหวังรวมทั้งสื่อความหมายที่ดีสำหรับใช้เป็นภาพอำนวยพรให้ แก่กันและกัน เพื่อการดำนงชีพอะไรก็แล้วแต่เสร็จสมใจนึกแล้วก็มั่งคั่งด้วยยินดีสุขตลอดกาล
“ผู้ใดบูชาพระสังกัจจายน์ ย่อมเป็นมหามงคลอุดมด้วย ลาภ ยศ ความเจริญรุ่งเรืองดีนักแล”

ขอบคุณที่มาบทความ ichystar.com